สรุปงานวิจัย
ผู้วิจัย : พรใจ สารยศ
ความมุ่งหมายของงานวิจัย :
1.เพื่อทำความเข้าใจและอธิบายกระบวนการส่งเสริมการแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัย
2.เพื่อทำความเข้าใจและอธิบายระยะการเปลี่ยนแปลงการแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัย
เครื่องมือ : 1.แบบบันทึกเหตุการณ์
2.แบบวิเคราะห์พฤติกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดคอนสตรัคติวิสต์
3.แบบบันทึกการพัฒนาการแก้ปัญหา
วิธีดำเนินการ :
การวิจัยในครั้งนี้ดำเนินการในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2543 เป็นเวลา 8 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 4 วัน วันละ 60 นาที รวม 32 ครั้ง โดยมีวิธีดำเนินการวิจัยดังนี้
1.ผู้วิจัยและผู้ช่วยผู้วิจัยศึกษาทำความเข้าใจร่วมกันเกี่ยวกับวิธีดำเนินการวิจัยเชิงปฏิบัติการในชั้นเรียน ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
2.ผู้วิจัยรับข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน การจัดกิจกรรมวิทยาศาสตร์ตามแนวคิดคอนสตรัคติวิสต์ และการแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัยจากประธาน และกรรมการ หลายครั้ง
3.ทดลองจัดกิจกรรมวิทยาศาสตร์ตามแนวคิดคอนสตรัคติวิสต์กับกลุ่มเด็กที่มีบริบทใกล้เคียงกับเด็กกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 3 กลุ่ม จาก 3 โรงเรียน
3.1โรงเรียนประจักรวิทยา ทดลองกับเด็กจำนวน 10 คน เป็นเวลา 4 วัน เพื่อทดลองจัดกิจกรรมวิทยาศาสตร์ตามแนวคิดคอนสตรัคติวิสต์ ฝึกการสังเกตพฤติกรรมเด็กและฝึกการใช้เครื่องมือในการวิจัยจากนั้นนำข้อมูลที่ได้ไปขอรับคำแนะนำ และรับข้อเสนอแนะจากประธานควบคุมปริญญานิพนธ์
3.2โรงเรียนสุเหร่าบ้านดอน ทดลองกับเด็กจำนวน 10 คน เป็นเวลา 4 วัน เพื่อทดลองจัดกิจกรรมวิทยาศาสตร์ตามแนวคิดคอนสตรัคติวิสต์ ฝึกการสังเกตพฤติกรรมเด็กและฝึกการใช้เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยอีกครั้ง จากนั้นนำข้อมูลการจัดกิจกรรม การสังเกตพฤติกรรมเด็กและการบันทึกการใช้เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยไปรับข้อเสนอแนะจากประธาน กรรมการและผู้เชี่ยวชาญ
3.3โรงเรียนวัดอุทัยธาราม ทดลองกับเด็กจำนวน 10 คน เป็นเวลา 4 วัน เพื่อนำเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยและการจัดกิจกรรมที่ปรับปรุงตามข้อเสนอแนะไปทดลองใช้กับเด็กที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่างอีกครั้ง
4.ดำเนินการจัดกิจกรรมวิทยาศาสตร์ตามแนวคิดคอนสตรัคติวิสต์กับกลุ่มตัวอย่าง เป็นเวลา 8 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 4 วัน วันละ 60 นาที รวม 32 ครั้ง
5.นำข้อมูลที่ได้จากแบบบันทึกเหตุการณ์ แบบวิเคาระห์พฤติกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดคอนสตรัคติวิสต์ และแบบบันทึกการพัฒนาการแก้ปัญหา มาจัดหมวดหมู่ข้อมูลโดยใช้โปรแกรม The Ethnograph
6.นำผลการวิเคราะห์ที่ได้มานำเสนอในบทที่ 4
7.อภิปรายผลจากข้อมูลที่ได้ในบทที่ 4 และนำเสนอในบทที่ 5
สรุปผลการวิจัย :
ผลการส่งเสริมการแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัยโดยใ้กิจกรรมวิทยาศาสตร์ตามแนวคิดคอนสตรัคติวิสต์ สรุปได้ดังนี้
1.การปรับบทบาทตนเองของผู้วิจัยขณะจัดกิจกรรมวิทยาศาสตร์ตามแนวคิดคอนสตรัคติวิสต์ดังนี้ ผู้วิจัยเป็นผู้นำเสนอกิจกรรม ในสัปดาห์ที่ 1-2 ส่วนบทบาทในการตั้งคำถาม สังเกต และรวบรวมข้อมูล ผู้วิจัยให้ความสำคัญทุกสัปดาห์
2.เด็กมีการเปลี่ยนแปลงการแก้ปัญหาตามระยะเวลาดังนี้
สัปดาห์ที่ 1-2 เด็กมีพฤติกรรมนิ่งเฉย หลีกเลี่ยง และไม่เข้าร่วมแก้ปัญหาเมื่อเกิดสถานการณ์ปัญหา ในสัปดาห์ที่ 3-4 เด็กมีพัฒนาการแก้ปัญหาที่ตกลงภายในกลุ่มหรือรายบุคคลได้ แต่ด้วยวิธีการที่ไม่เหมาะสม ในสัปดาห์ที่ 5-8 เด็กมีพัฒนาการการแก้ปัญหาที่ตกลงภายในกลุ่มหรือรายบุคคลได้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัญหา
1.ผู้วิจัยและผู้ช่วยผู้วิจัยศึกษาทำความเข้าใจร่วมกันเกี่ยวกับวิธีดำเนินการวิจัยเชิงปฏิบัติการในชั้นเรียน ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง
2.ผู้วิจัยรับข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการวิจัยปฏิบัติการในชั้นเรียน การจัดกิจกรรมวิทยาศาสตร์ตามแนวคิดคอนสตรัคติวิสต์ และการแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัยจากประธาน และกรรมการ หลายครั้ง
3.ทดลองจัดกิจกรรมวิทยาศาสตร์ตามแนวคิดคอนสตรัคติวิสต์กับกลุ่มเด็กที่มีบริบทใกล้เคียงกับเด็กกลุ่มตัวอย่าง จำนวน 3 กลุ่ม จาก 3 โรงเรียน
3.1โรงเรียนประจักรวิทยา ทดลองกับเด็กจำนวน 10 คน เป็นเวลา 4 วัน เพื่อทดลองจัดกิจกรรมวิทยาศาสตร์ตามแนวคิดคอนสตรัคติวิสต์ ฝึกการสังเกตพฤติกรรมเด็กและฝึกการใช้เครื่องมือในการวิจัยจากนั้นนำข้อมูลที่ได้ไปขอรับคำแนะนำ และรับข้อเสนอแนะจากประธานควบคุมปริญญานิพนธ์
3.2โรงเรียนสุเหร่าบ้านดอน ทดลองกับเด็กจำนวน 10 คน เป็นเวลา 4 วัน เพื่อทดลองจัดกิจกรรมวิทยาศาสตร์ตามแนวคิดคอนสตรัคติวิสต์ ฝึกการสังเกตพฤติกรรมเด็กและฝึกการใช้เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยอีกครั้ง จากนั้นนำข้อมูลการจัดกิจกรรม การสังเกตพฤติกรรมเด็กและการบันทึกการใช้เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยไปรับข้อเสนอแนะจากประธาน กรรมการและผู้เชี่ยวชาญ
3.3โรงเรียนวัดอุทัยธาราม ทดลองกับเด็กจำนวน 10 คน เป็นเวลา 4 วัน เพื่อนำเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยและการจัดกิจกรรมที่ปรับปรุงตามข้อเสนอแนะไปทดลองใช้กับเด็กที่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่างอีกครั้ง
4.ดำเนินการจัดกิจกรรมวิทยาศาสตร์ตามแนวคิดคอนสตรัคติวิสต์กับกลุ่มตัวอย่าง เป็นเวลา 8 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 4 วัน วันละ 60 นาที รวม 32 ครั้ง
5.นำข้อมูลที่ได้จากแบบบันทึกเหตุการณ์ แบบวิเคาระห์พฤติกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดคอนสตรัคติวิสต์ และแบบบันทึกการพัฒนาการแก้ปัญหา มาจัดหมวดหมู่ข้อมูลโดยใช้โปรแกรม The Ethnograph
6.นำผลการวิเคราะห์ที่ได้มานำเสนอในบทที่ 4
7.อภิปรายผลจากข้อมูลที่ได้ในบทที่ 4 และนำเสนอในบทที่ 5
สรุปผลการวิจัย :
ผลการส่งเสริมการแก้ปัญหาของเด็กปฐมวัยโดยใ้กิจกรรมวิทยาศาสตร์ตามแนวคิดคอนสตรัคติวิสต์ สรุปได้ดังนี้
1.การปรับบทบาทตนเองของผู้วิจัยขณะจัดกิจกรรมวิทยาศาสตร์ตามแนวคิดคอนสตรัคติวิสต์ดังนี้ ผู้วิจัยเป็นผู้นำเสนอกิจกรรม ในสัปดาห์ที่ 1-2 ส่วนบทบาทในการตั้งคำถาม สังเกต และรวบรวมข้อมูล ผู้วิจัยให้ความสำคัญทุกสัปดาห์
2.เด็กมีการเปลี่ยนแปลงการแก้ปัญหาตามระยะเวลาดังนี้
สัปดาห์ที่ 1-2 เด็กมีพฤติกรรมนิ่งเฉย หลีกเลี่ยง และไม่เข้าร่วมแก้ปัญหาเมื่อเกิดสถานการณ์ปัญหา ในสัปดาห์ที่ 3-4 เด็กมีพัฒนาการแก้ปัญหาที่ตกลงภายในกลุ่มหรือรายบุคคลได้ แต่ด้วยวิธีการที่ไม่เหมาะสม ในสัปดาห์ที่ 5-8 เด็กมีพัฒนาการการแก้ปัญหาที่ตกลงภายในกลุ่มหรือรายบุคคลได้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัญหา
________________________________________________________________________________
สรุปบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย (เนื่องจากโทรทัศน์ครูเปิดไม่ได้)
สรุปบ้านนักวิทยาศาสตร์น้อย (เนื่องจากโทรทัศน์ครูเปิดไม่ได้)
เรื่องผงวิเศษช่วยชีวิต
วิธีการทดลอง
นำผงแป้งใส่ไว้ในภาชนะใบที่ 1 และ 2 และให้เด็กๆเปรียบเทียบถึงความแตกต่าง ของผงแป้งทั้ง 2 ชนิด ว่าแตกต่างกันอย่างไร และเทน้ำลงไปในผงแป้งทั้ง 2 ชนิด หลังจากเด็กๆพิสูจน์กันว่า แป้งในภาชนะที่ 2 มีเนื้อที่แข็งกว่า ภานะใบที่ 1 และเมื่อใส่ผงแป้งเพิ่มลงไปอีกก็จะทำให้มีเนื้อแข็งเพิ่มมากขึ้น เขาจึงทดลองโดยการทำบึงน้ำจำลองขึ้นมา และนำแป้งลงไปผสม และให้เด็กๆ วิ่งข้าม ผลปรากฎว่า เด็กๆ ไม่จม แต่ถ้าเด็กลงไปยืนอยู่นิ่ง เด็กๆ ก็จะจม แป้งที่เรานำมาทดลองนั่นก็คือแป้งข้าวโพด
คุณสมบัติ
แป้งข้าวโพดที่ละลายน้ำมีคุณสมบัติพิเศษคือ ถ้ามีแรงกระแทกเช่น เราวิ่ง หรือเดินเร็วๆ เหยียบไปบนน้ำแป้ง มันจะเหมือนของแข็ง คือไม่ยุบตัวลงไป แต่หากเป็นแรงกด แบบค่อยๆ กด มันจะเหมือนเป็นของเหลว เช่น เมื่อเราไปยืนอยู่บนน้ำแป้ง เราก็จะจมลงไป
ลักษณะที่ว่ามานี้ ก็จะเหมือนกับลักษณะของทรายที่ชุ่มน้ำตามชาดหายหรือพวกทรายดูดนั่นเอง